Jojo House Dog Master โรงเรียนฝึกสุนัขให้สุนัขได้ผ่อนคลายมากกว่าการบังคับ

[Yamachita]

[center][/center]

ความรักและผูกพันธ์กับสุนัขมาเป็นเวลานาน ประกอบกับที่บ้านเลี้ยงสุนัขไว้มากถึง 30 ตัว และต้องจ้างครูมาสอนฝึกสุนัขที่บ้านเป็นประจำ จึงทำให้ โจอี้ “สุนทรา สัจจะวัชรพงศ์” ทิ้งความรู้ด้านสถาปัตยกรรมที่ร่ำเรียนมา มาเปิดโรงเรียนฝึกสุนัขที่ชื่อว่า "Jojo House Dog Master" ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ต้องการให้สุนัขรู้สึกผ่อนคลายจากการฝึก มากกว่าบังคับให้สุนัขต้องได้รับการฝึก

โจอี้ เล่าให้ฟังว่า เริ่มทำธุรกิจนี้มาตั้งแต่ปี 2543 เนื่องจากที่บ้านเลี้ยงสุนัขไว้เป็นจำนวนมาก และมีการจ้างครูมาสอนเป็นประจำ เมื่อคนรู้จักเห็นก็สนใจอยากนำสุนัขมาฝึกด้วย ครูฝึกจึงชวนให้มาเปิดศูนย์ฝึกร่วมกัน ช่วงแรกก็ทำเล่นๆ สนุกๆ เพราะตอนนั้นยังเรียนอยู่ พอเรียนจบจึงเริ่มทำจริงจัง

"โรงเรียนฝึกสุนัขที่มีอยู่ในปัจจุบัน เน้นการฝึกที่จริงจังมากเกินไป เกินความต้องการของเจ้าของ จากประสบการณ์ส่วนตัว เราฝึกสุนัขเพื่อต้องการให้เขาเชื่อฟังเรา เมื่อเวลาเริ่มดื้อ เริ่มกระโจน หรือการสร้างวินัยภายในบ้าน รวมถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงสุนัขอย่างถูกวิธี โดย Jojo House Dog Master ฝึกสุนัขภายใต้คอนเซ็ปต์ LETS คือ L=Learning เรียนรู้การเข้าสังคมของสุนัข E=Exercising การออกกำลังกายที่ถูกต้อง และสม่ำเสมอ T=Traing การได้รับการฝึกสอนที่ถูกต้อง เพื่อสร้างวินัย และ S=Showing สามารถแสดงความสามารถพิเศษได้"

จุดที่เด่นที่น่าสนใจอีกข้อหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันเห็นจะเป็นการเปิดใจกับลูกค้า และยอมให้ลูกค้าเปิดใจถึงปัญหาให้กับทางโรงเรียน โดยต้องการให้สุนัขที่เข้ามารับการฝึกรู้สึกถึงความพร้อม และผ่อนคลายจริงๆ ก่อนฝึก บางรายเข้ามาแล้วยังมีอารมณ์ตึงเครียดก็จะมีเจ้าหน้าที่พาไปว่ายน้ำหรือทำกิจกรรมอื่นๆ จนเขามีความพร้อมก่อน นอกจากนี้สุนัขทุกตัวที่นำมาฝึกจะต้องได้รับการฝึกร่วมกับเจ้าของด้วย เพราะปัญหาของการฝึกสุนัขที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่คือสุนัขจะเชื่อฟังแต่กับครูฝึก เมื่อกลับมายังบ้านจะไม่ยอมทำตามคำสั่งเจ้าของ

[center][/center]

"ในช่วงแรกของการทำธุรกิจมีการเปิดเว็บไซต์เพื่อแนะนำศูนย์ฝึก แต่กลับโดนแฮกค์ชื่อเว็บไซต์ไป จึงหันมาลงโฆษณากับนิตยสารสัตว์เลี้ยงแทน แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จนเมื่อ 3-4ปีก่อนเริ่มมองเห็นความสำคัญของอินเทอร์เน็ต ใครอยากรู้อะไรก็ค้นหาผ่าน Google จึงเริ่มศึกษาและลงโฆษณาผ่าน Google Adwords เพราะรู้สึกว่ามีฐานข้อมูล และผู้ใช้งานค่อนข้างกว้าง ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น และตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการ"

ก่อนหน้านี้ลูกค้าที่เข้ามาจะมาจากการแนะนำจากปากต่อปาก ของเพื่อนๆ และคนรู้จักที่ส่งสุนัขมาฝึก แต่หลังจากมีการใช้ออนไลน์เข้ามาช่วยทำให้ลูกค้าของเรามีความหลากหลายมากขึ้น มีทั้งลูกค้าต่างชาติ และคนไทย เรียกได้ว่าลูกค้าของเรามีทั่วประเทศ บางรายพาสุนัขขึ้นเครื่องบินมา บางรายนั่งรถมาประเทศลาว 9 ชั่วโมงเพื่อมาฝึก ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าออนไลน์กับลูกค้าที่มาจากการแนะนำจากลูกค้าเก่าอยู่ที่ประมาณ 70%-30%

โจอี้ บอกว่า ธุรกิจของเราเปิดให้บริการมานาน 12 ปี มีพื้นที่กว่า 2 ไร่ ถือว่าประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เคยมีลูกค้าขอซื้อแฟรนไชส์ และเปิดสาขาเพิ่ม แต่ตนยังไม่คิดเรื่องนี้ เพราะอยากดูแลกิจการด้วยตัวเองมากกว่า อยากเห็นสุนัขที่เข้ามาฝึกมีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นด้วยสายตาของเรามากกว่า เพราะการทำธุรกิจกับสัตว์เลี้ยง นอกจากจะมีเงินลงทุน และมีความรู้แล้ว สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือความรัก และความเข้าใจต่อสุนัขและเจ้าของจริงๆ

"อีกเคสหนึ่งที่เราภูมิใจคือ "ไข่ตุ๋น" สุนัขพันธ์พิทบลู ที่เคยกัดเจ้าของเสียชีวิตเมื่อปีที่ผ่านมา ณ ตอนนี้เข้ามารับการฝึกที่ศูนย์ฝึกของเรา จนปัจจุบันมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้น และไม่ดุร้ายเหมือนแต่ก่อน"


ที่มา : manager.co.th