เสริมสุข เปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ เติมสุขทุกโอกาส
โพสต์แล้ว: อังคาร 19 มี.ค. 2013 10:30 am
นายฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2555 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของบริษัททั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อก้าวให้ทันความเปลี่ยนแปลงของตลาด และความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย ทั้งด้านการดำเนินงานตามทิศทางการดำเนินธุรกิจ 4 เสาหลักของบริษัท การเปลี่ยนโฉมภาพลักษณ์ใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เติมสุข ทุกโอกาส” การเปิดตัวเครื่องดื่ม “เอส” น้ำอัดลมแบรนด์แรกของบริษัท ซึ่งมีส่วนช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้จากการดำเนินธุรกิจภายใต้ 4 เสาหลัก เป็นสูตรสำเร็จของบริษัทที่ผลักดันให้ปี 2555 สามารถสร้างสถิติผลการดำเนินงานที่ดีที่สุดของบริษัทเท่าที่เคยมีมาในรอบ 60 ปีของการดำเนินธุรกิจมา โดยมีรายได้กว่า 23,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากปี 2554 เป็นจำนวน 1,545 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7% จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขาย ส่งผลให้มีกำไรสุทธิประมาณ 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ถึง 990%
“ความสำเร็จในปี 2555 เป็นเพียงบันไดก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงของบริษัทสู่การเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ในโอกาสครบรอบ 60 ปีในวันนี้ ถือเป็นการเดินหน้าเข้าสู่ทศวรรษที่ 7 ในแบบ Fast Forward หรือ ใส่สุดแรง เพื่อเติมเต็มความสุขให้กับคนไทยในทุกโอกาสการดื่มมากขึ้น ด้วยแผนการลงทุนในปี 2556 เพื่อเติมเต็มสินค้าของบริษัทให้ครบทุกกลุ่ม ด้วยงบลงทุนรวมประมาณ 1,100 ล้านบาท เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดและผู้บริโภคในทุกด้านอย่างเหมาะสม”นายฐิติวุฒิ์ กล่าว
สำหรับแผนการลงทุนในปี 2556 ประกอบด้วย การขยายสายการผลิตเครื่องดื่มใหม่ 2 สาย เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำดื่ม 25% และเพิ่มกำลังการผลิตน้ำอัดลมในบรรจุภัณฑ์ขวด PET อีก 30% เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด PET รวมทั้งการพัฒนาประสิทธิภาพระบบการผลิตและซัพพลายเชนทั้งระบบ เร่การผลิตและการขนส่งสินค้าให้รวดเร็วและทั่วถึงในราคาที่ต่ำลง ในโรงงานของบริษัททั้ง 5 แห่ง ทั้งที่ปทุมธานี ชลบุรี นครสวรรค์ สุราษฎร์ธานี และนครราชสีมา การลงทุนด้านปฏิบัติการขาย บริษัทจะเพิ่มศักยภาพด้านปฏิบัติการขายให้สูงขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องมือในการจัดจำหน่ายและเพิ่มยอดขายให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้น
นายฐิติวุฒิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้บริษัทพร้อมแล้วที่จะนำเสนอเครื่องดื่มใหม่ๆออกสู่ตลาดภายในปี 2556 นี้ เพื่อเพิ่มกลุ่มสินค้าภายใต้การดูแลของบริษัทให้หลากหลายมากขึ้น และเดินหน้าเสริมความแกร่งทิศทางการดำเนินธุรกิจในการขยายตลาดกลุ่มเครื่องดื่มไม่อัดลม ด้วยการส่งแบรนด์ “แรงเยอร์” เครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์แรกของบริษัท ที่เจาะกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ ลงชิงส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่มีมุลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 10% หลังจากที่ได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท เครื่องดื่มแรงเยอร์ (2008) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลัง “แรงเยอร์” และ “พาวเวอร์ พลัส” ด้วยมูลค่า 248 ล้านบาท เมื่อปลายปี 2555 โดยตั้งเป้าหมายการขายในปีแรกประมาณ 1,000 ล้านบาท
ที่มา : naewna.com
ทั้งนี้จากการดำเนินธุรกิจภายใต้ 4 เสาหลัก เป็นสูตรสำเร็จของบริษัทที่ผลักดันให้ปี 2555 สามารถสร้างสถิติผลการดำเนินงานที่ดีที่สุดของบริษัทเท่าที่เคยมีมาในรอบ 60 ปีของการดำเนินธุรกิจมา โดยมีรายได้กว่า 23,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากปี 2554 เป็นจำนวน 1,545 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7% จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขาย ส่งผลให้มีกำไรสุทธิประมาณ 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ถึง 990%
“ความสำเร็จในปี 2555 เป็นเพียงบันไดก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงของบริษัทสู่การเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ในโอกาสครบรอบ 60 ปีในวันนี้ ถือเป็นการเดินหน้าเข้าสู่ทศวรรษที่ 7 ในแบบ Fast Forward หรือ ใส่สุดแรง เพื่อเติมเต็มความสุขให้กับคนไทยในทุกโอกาสการดื่มมากขึ้น ด้วยแผนการลงทุนในปี 2556 เพื่อเติมเต็มสินค้าของบริษัทให้ครบทุกกลุ่ม ด้วยงบลงทุนรวมประมาณ 1,100 ล้านบาท เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดและผู้บริโภคในทุกด้านอย่างเหมาะสม”นายฐิติวุฒิ์ กล่าว
สำหรับแผนการลงทุนในปี 2556 ประกอบด้วย การขยายสายการผลิตเครื่องดื่มใหม่ 2 สาย เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำดื่ม 25% และเพิ่มกำลังการผลิตน้ำอัดลมในบรรจุภัณฑ์ขวด PET อีก 30% เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด PET รวมทั้งการพัฒนาประสิทธิภาพระบบการผลิตและซัพพลายเชนทั้งระบบ เร่การผลิตและการขนส่งสินค้าให้รวดเร็วและทั่วถึงในราคาที่ต่ำลง ในโรงงานของบริษัททั้ง 5 แห่ง ทั้งที่ปทุมธานี ชลบุรี นครสวรรค์ สุราษฎร์ธานี และนครราชสีมา การลงทุนด้านปฏิบัติการขาย บริษัทจะเพิ่มศักยภาพด้านปฏิบัติการขายให้สูงขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องมือในการจัดจำหน่ายและเพิ่มยอดขายให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้น
นายฐิติวุฒิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้บริษัทพร้อมแล้วที่จะนำเสนอเครื่องดื่มใหม่ๆออกสู่ตลาดภายในปี 2556 นี้ เพื่อเพิ่มกลุ่มสินค้าภายใต้การดูแลของบริษัทให้หลากหลายมากขึ้น และเดินหน้าเสริมความแกร่งทิศทางการดำเนินธุรกิจในการขยายตลาดกลุ่มเครื่องดื่มไม่อัดลม ด้วยการส่งแบรนด์ “แรงเยอร์” เครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์แรกของบริษัท ที่เจาะกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ ลงชิงส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่มีมุลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 10% หลังจากที่ได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท เครื่องดื่มแรงเยอร์ (2008) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลัง “แรงเยอร์” และ “พาวเวอร์ พลัส” ด้วยมูลค่า 248 ล้านบาท เมื่อปลายปี 2555 โดยตั้งเป้าหมายการขายในปีแรกประมาณ 1,000 ล้านบาท
ที่มา : naewna.com