Coffee Rio ขยาย 4 สาขากับคอนเซ็ปต์แหล่งพบปะเพื่อนฝูง พักสมองกาแฟเกรดพรีเมียม

[Yamachita]

[center][/center]

“มีเพื่อนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” สุภาษิตนี้เรียกได้ว่านำมาปรับใช้ได้ดีกับธุรกิจร้านกาแฟ 'Coffee Rio' อาศัยศักยภาพของผองเพื่อนที่มีอยู่ก่อเกิดเป็นธุรกิจต้นทุนต่ำ เสริมทัพด้วยใจรักในแวดวงกาแฟของตนเอง ขยาย 4 สาขา กับคอนเซ็ปต์แหล่งพบปะเพื่อนฝูง หลีกหนีความวุ่นวายสังคมเมือง พักสมองด้วยกาแฟรสชาติดีเกรดพรีเมียมราคาสบายกระเป๋า

[center][/center]

ชาเขียว กับเค้กลาวา รสชาติลงตัว
ภรต พหุโล หรือ คุณแป๊ะ เจ้าของร้าน Coffee Rio เล่าว่า พื้นฐานตนเองเป็นคนชอบดื่มกาแฟมาก เมื่อมีโอกาสเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ก็อดที่จะลิ้มลองไม่ได้ พร้อมทั้งศึกษาธุรกิจกาแฟควบคู่กันไปด้วย วาดฝันว่าสักวันหนึ่งจะมีร้านกาแฟสดเป็นของตัวเอง ทั้งที่ไม่ได้เคยทำธุรกิจมาก่อน เป็นมนุษย์เงินเดือนในตำแหน่งนักโฆษณา ดูแลด้านการตลาดในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งมากว่า 10 ปี จนกระทั่งในช่วงที่ธุรกิจร้านกาแฟสดบูม เห็นช่องทางการตลาด จึงตัดสินใจทิ้งอาชีพลูกจ้างมาเป็นเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ร้านกาแฟที่มีแบรนด์เป็นที่รู้จักกันดีในตลาด แต่ด้วยระบบการบริหาร และค่าแฟรนไชส์ฟีที่ต้องจ่ายเป็นจำนวนเงินมหาศาลไม่คุ้มกับรายรับในการดำเนินธุรกิจนี้จึงตัดสินใจเลิกกิจการหันมาสร้างแบรนด์ของตนเอง

เมื่อเขาสั่งสมประสบการณ์ด้านร้านกาแฟมาระยะหนึ่งก็มั่นใจขึ้นจนเปิดร้านในแบรนด์ของตนเองที่ชื่อว่า “Coffee Rio” อาศัยเพื่อนฝูงที่มีศักยภาพและความชำนาญแต่ละด้านมาร่วมกัน เริ่มจากรุ่นน้องมีโรงคั่วกาแฟที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อได้ชิมรสชาติกาแฟก็รู้สึกชอบ จึงร่วมกันพัฒนาสูตรการคั่วกาแฟเพื่อให้ได้รสชาติเฉพาะของร้าน Coffee Rio เน้นความเข้มข้นและความหอมของกาแฟ หรือความเข้มข้นในการคั่วอยู่ในระดับ 4

[center][/center]

เป็นที่รู้กันว่าธุรกิจกาแฟสดขณะนี้ถือว่าการแข่งขันค่อนข้างสูง ดังนั้นก่อนเริ่มต้นธุรกิจคุณแป๊ะจึงต้องคิดคอนเซ็ปต์ของร้านให้มีความแตกต่างเพื่อสร้างจุดขาย และแข่งขันในตลาดได้ เริ่มจากรสชาติกาแฟ เน้นความเข้มข้นที่บรรดาคอกาแฟชื่นชอบ โดยบดสดทุกแก้ว เพราะหากบดทิ้งไว้จะทำให้กาแฟมีรสเปรี้ยว ความหอมจะลดลง พร้อมคิดเมนูกาแฟสูตรเฉพาะที่ร้านอื่นไม่มี เช่น กาแฟรสส้ม เพิ่มความสดชื่นและความเปรี้ยวของเนื้อส้ม ผสานความขมของกาแฟเล็กน้อยที่เข้ากันได้อย่างลงตัว หรือกาแฟแบบฉบับ Coffee Rio ที่เน้นความเข้ม เอาใจนักดื่มกาแฟโดยเฉพาะ

ในขณะที่เมนูชา นอกจากเมนูพื้นๆ ที่ร้านอื่นมีกันแล้ว ยังคิดค้นเมนู “ชา 3 สี” แบ่งเป็น 3 ชั้นภายในแก้ว เริ่มจากชั้นล่างสุดเป็นสีเขียวอ่อน ที่ได้จากน้ำตาลประเทศมาเลเซีย ชั้นกลางเป็นสีส้ม จากชาซีลอนภาคใต้ของไทย และชั้นบนสุดเป็นสีขาว จากฟองนมสด นอกจากนี้ยังมีเมนูสมูทตี้ปั่น ที่ใช้ผลไม้สดมาเสิร์ฟให้ลูกค้าทุกแก้ว ส่งผลให้ล่าสุดเมนูเครื่องดื่มของร้านมีกว่า 30 รายการ

[center][/center]
เมื่อมีสารพันเครื่องดื่มเสิร์ฟในร้าน สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกอย่างหนึ่งคือ เบเกอรี และอาหารเมนูเบาๆ เป็นอาหารจานเดียวกรรมวิธีทำไม่ยุ่งยาก ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เครือข่ายเพื่อนฝูงที่มีฝีมือด้านเบเกอรีทำส่งให้ เช่น เครปเค้ก และภรรยาที่มีความรู้ด้านเบเกอรีทำให้บางเมนู อย่าง บราวนี ซึ่งเบเกอรีทั้งหมดของร้าน Coffe Rio ล้วนเป็นโฮมเมดทั้งสิ้น ส่วนเมนูง่ายๆ ที่ทางร้านอบสดใหม่ คือ ไข่กระทะ วาฟเฟิลราดวิปครีมสด เป็นต้น

นอกจากจุดขายในเรื่องรสชาติกาแฟแล้ว บรรยากาศของร้านก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่คุณแป๊ะวางคอนเซ็ปต์ไว้ว่า ให้เป็นสถานที่ที่ 3 (Third Place) ของคนเมือง ที่ลูกค้าสามารถนั่งทำงานได้ทั้งวัน ฟรีไว-ไฟ มีปลั๊กไฟทุกโต๊ะ หรือเป็นแหล่งพบปะเพื่อนฝูง บรรยากาศเป็นกันเอง สิ่งเหล่านี้คุณแป๊ะปรับตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในปัจจุบัน ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพนักงานออฟฟิศ

ปัจจุบันร้าน Coffee Rio มีทั้งหมด 4 สาขา คือ สาขาแรกอยู่ที่แยกลาดปลาเค้า หัวมุมแยกถนนเกษตร-นวมินทร์ สาขา 2 ย่านเหม่งจ๋าย (โครงการลุมพินีวิลล์ ศูนย์วัฒนธรรม) สาขา 3 เสนานิเวศน์ ถนนเสนานิคม 1 และสาขาล่าสุดเป็นสาขาต้นแบบที่เน้นบรรยากาศตรงตามคอนเซ็ปต์ คือสาขา RCA โซน D (ชั้น 1 หลังหลักทรัพย์ธนชาต) ซึ่งแต่ละสาขาเติบโตอย่างๆ ช้า แบรนด์เป็นที่รู้จักของคนในละแวกใกล้เคียง จากรสชาติที่เข้มข้น และราคาไม่แพง เริ่มต้นที่ 35 บาท/แก้วเท่านั้น

ส่วนแผนธุรกิจในอนาคต คุณแป๊ะบอกว่าไม่คิดขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ เนื่องจากควบคุมคุณภาพยาก แต่จะขยายสาขาในแง่ให้เพื่อนเป็นผู้ร่วมลงทุน โดยมีเขาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ดูแลเองทุกสาขา พอสิ้นเดือนเพื่อนจะได้รับเงินปันผลตามสัดส่วนที่ลงทุน ที่ตนเองคิดว่าเป็นวิธีขยายธุรกิจที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด แถมสบายใจกันทั้งสองฝ่าย


ที่มา : manager.co.th