หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ธนาคาร เตรียมความพร้อมรับมือ AEC โดยเฉพาะ SMEs เพื่อรับมือการแข่งขันที่สูงขึ้น

โพสต์แล้ว: เสาร์ 10 พ.ย. 2012 10:24 am
โดย Yamachita
[center]รูปภาพ[/center]

นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่าธนาคารได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ในปี 2558 มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของลูกค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ SMEs เพื่อให้มีความพร้อมที่จะรับมือกับการแข่งขันที่สูงขึ้น ซึ่งธนาคารจะให้การสนับสนุนเต็มที่ทั้งในด้านความรู้ กติกา กฎเกณฑ์ นอกเหนือจากการให้เงินทุนสนับสนุน

สำหรับกลุ่มลูกค้าSMEs ธนาคารจะพยายามผลักดันให้เปิดตลาดไปยังอาเซียนให้มากยิ่งขึ้น เพราะในเวลานี้ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่ลูกค้าจะได้ไปทำการตลาดเพื่อเจาะหาลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าประเทศเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายเกรงว่าจะเกิดปัญหาฟองสบู่เพราะมีเม็ดเงินจากต่างประเทศไหลเข้ามามากนั้นทางธนาคารเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และไม่ประมาทมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียนกล่าวเพิ่มเติมว่าปัจจุบันในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปหรือยูโรตลาดการส่งออกมีขนาดที่เล็กลงทำให้ต้องออกไปลงทุนนอกประเทศมากขึ้น ซึ่งพบว่าบางส่วนได้มีการเข้ามาลงทุนที่อาเซียนบ้างแล้ว เนื่องจากทางยุโรปต้องการนำเอากำไรที่ได้กลับเข้าประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังมีปัญหาในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเองก็ไม่สามารถที่จะประมาทได้ และที่สำคัญต้องกล้าพอที่จะเข้าไปลงทุนและทำการค้าในอาเซียนให้มากขึ้นโดยเฉพาะผู้ประกอบการจะต้องกล้าที่จะตัดสินใจ และต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงแนวความคิดเดิมๆ และค่านิยมในการทำธุรกิจสมัยก่อนออกไป และพร้อมที่จะยอมรับการทำธุรกิจเพื่อร่วมลงทุนในอาเซียน และกล้าที่จะต่อรองเพื่อให้เกิดศักยภาพมากยิ่งขึ้น

นายศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เกียรตินาคินหรือเคเคฟันด์กล่าวว่าตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง ลาติน เอเชีย เป็นต้น ยังน่าสนใจ เพราะสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐหรือยุโรปที่พยายามคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ ส่วนประเทศไทยนั้นคาดว่า อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำไปอีกระยะหนึ่ง โดยคาดการณ์ว่า ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 28 พฤศจิกายนนี้น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% มาอยู่ที่ 2.5%

“ตราสารหนี้ในตลาดเอเชียยังได้รับปัจจัยบวกด้านราคาจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินของประเทศต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย ไทย รวมถึงเศรษฐกิจที่ยังมีแนวโน้มที่ดีกว่ายุโรปส่งผลให้ตราสารหนี้เอกชนเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติ”

ที่มา : naewna.com