รูปภาพแจ้งข่าว ทางเว็บบอร์ด openerpthailand.org ได้เปลี่ยนระบบเว็บบอร์ด ใหม่เป็น phpBB 3.1
  1. บุคคลทั่วไป จะไม่สามารถเข้าอ่านกระทู้บางบอร์ด แนะนำให้ท่าน สมัครสมาชิกคลิกตามลิงค์นี้
  2. สมาชิกใหม่ ถ้ายังไม่ได้แนะนำตัวจะไม่สามารถ ตั้งกระทู้ และ ดาวน์โหลด ไฟล์จากเว็บบอร์ดได้ ท่านจำเป็นต้องแนะนำตัวที่หมวดนี้
  3. ถ้ามีปัญหาการใช้งาน หรือ ข้อเสนอแนะใดๆ แนะนำได้ที่นี่
  4. ปุ่มรูปหัวใจใต้โพส แต่ละโพส ท่านสามารถกดเพื่อสื่อถึงคนโพสนั้นถูกใจท่าน
  5. ห้ามลง E-mail, เบอร์โทรส่วนตัว, Line id หรือข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ เพื่อป้องกันการแอบอ้างและโฆษณาแฝง โดยสามารถติดต่อสมาชิกท่านอื่นผ่านระบบ PM ของบอร์ด
  6. ท่านสามารถปิดการแจ้งนี้ได้ ที่มุมขวาของกล่องข้อความนี้

บุคคลทั่วไปสามาเข้าสู่ระบบ ด้วย Account ของ FaceBook ได้แล้ว คลิกที่นี่ได้เลย

บางจาก วางเป้าหมายอีก 3 ปีข้างหน้าอีบิทด้าต้องเพิ่มเป็น 13,000 ล้านบาท

รวมข่าวสารเกี่ยวกับ ธุรกิจ ความเคลื่อนไหวทางด้านธุรกิจที่สำคัญๆ แบ่งปันกันได้ที่หมวดนี้
Yamachita
โพสต์: 448
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 31 ต.ค. 2012 8:20 pm

บางจาก วางเป้าหมายอีก 3 ปีข้างหน้าอีบิทด้าต้องเพิ่มเป็น 13,000 ล้านบาท

โพสต์โดย Yamachita » จันทร์ 17 ธ.ค. 2012 10:27 am

[center]รูปภาพ[/center]

“ในอนาคตผมอยากเห็นบางจาก 100 ปี อยากเห็นบางจากโต ไม่อยากเห็นบางจากหดตัว และบางจากต้องเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติแห่งที่ 2 ที่ทำธุรกิจได้หลากหลายรูปแบบ” เป็นประโยคที่ “อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล” กรรมการผู้จัดการ บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้เปิดใจไว้ในช่วงที่พาสื่อมวลชนไปเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพ ที่เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 1-6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายก่อนครบวาระ 8 ปี ในวันที่ 31 ธ.ค.นี้

ใครจะเชื่อว่าบริษัทน้ำมันแห่งนี้จากที่เคยจะล้มละลายในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 แต่มาจนถึงวันนี้กลับกลายเป็นบริษัทที่มียอดขายน้ำมันในประเทศมากเป็นอันดับสามของประเทศ รองจากปตท.และเอสโซ่ ด้วยยอดขายถึง 170,000 ล้านบาท และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (อีบิทด้า) 7,300 ล้านบาท แถมยังคาดการณ์ไว้อีกว่าในปีหน้าจะเพิ่มเป็น 9,000-10,000 ล้านบาททีเดียว ขณะที่ราคาหุ้นก็ขยับเพิ่มเป็น 29 บาทจากที่เคยอยู่ที่ระดับหุ้นละ 3 บาท แถมยังได้รับการจัดอันดับในระดับ “เอ-ลบ” และปีหน้ามั่นใจว่าจะขึ้นมาอยู่ในระดับ “เอ” สะท้อนให้เห็นถึงฐานะของบริษัทที่แข็งแกร่ง

ต้องถือว่าผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาได้พิสูจน์ฝีมือการทำงาน “ลูกหม้อ” อย่าง “อนุสรณ์” ตลอดเวลาทั้ง 27 ปี ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันยังวางเป้าหมายไว้อีกด้วยว่าในอีก 3 ปีข้างหน้าจากนี้อีบิทด้าของบางจากฯ ต้องเพิ่มเป็น 13,000 ล้านบาท พร้อมทั้งต้องขยับเป็นบริษัทน้ำมันอันดับสองของประเทศโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดน้ำมัน 16% จากปัจจุบันที่ 14.7% และที่สำคัญบางจากยังต้องเป็นธุรกิจที่ “แบ่งปัน” เพื่อชุมชนและสังคม รวมทั้งการดูแลสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้การที่จะก้าวไปสู่เป้าหมายที่ว่า… ได้นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่บางจากฯ ต้องเร่งพัฒนาตัวเองในทุก ๆ ด้านทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพของโรงกลั่น การพัฒนาด้านการตลาด หรือแม้แต่การขยายไปยังธุรกิจอื่นเพื่อลดความเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่ผันผวนอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญบางจากฯ ต้องให้ความสำคัญกับการก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งที่ 2 เพื่อรองรับกับความต้องการใช้น้ำมันในอนาคตในอีก 5-10 ปี ข้างหน้าโดยเฉพาะตลาดของบางจากฯ เอง

ต้องยอมรับว่าที่ตั้งของโรงกลั่นบางจากฯ ในเวลานี้ คงไม่สามารถขยายโรงกลั่นเพิ่มขึ้นได้เพราะไม่มีพื้นที่ ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันหรือตลาดน้ำมันของประเทศนั้นเติบโตมากถึงปีละ 3-4% ขณะที่ตลาดของบางจากฯ เองเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% เมื่อเทียบกับกำลังการกลั่นในปัจจุบันนั้นย่อมไม่เพียงพอแน่นอน และถ้าต้องนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากต่างประเทศคงไม่ใช่เรื่องที่ดี

แต่การสร้างโรงกลั่นน้ำมันถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายโดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ รวมถึงนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาล ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องนำเรื่องนี้มาคิดมาตัดสินใจให้รอบคอบ อย่างไรก็ดีการสร้างโรงกลั่นในประเทศย่อมทำให้ประเทศมีการพัฒนานั่นหมายความว่าจะทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย แม้ว่าการลงทุนต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลแต่เชื่อว่าพันธมิตรอย่างญี่ปุ่นและจีน ก็พร้อมเข้ามาเป็นพันธมิตรกับไทยโดยเฉพาะญี่ปุ่นที่ต้องการเข้ามาลงทุนในอาเซียนอยู่แล้ว

นอกจากนี้บางจากฯ ต้องกลายเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติแห่งที่ 2 ที่สามารถลงทุนทำธุรกิจได้หลายรูปแบบ ทั้งโรงกลั่นน้ำมัน สถานีบริการน้ำมัน โรงไฟฟ้า โรงงานปิโตรเคมี หรือธุรกิจอื่นที่ต่อเนื่อง เพื่อให้ธุรกิจของคนไทยแท้ ๆ เดินหน้าได้อย่างเข้มแข็งและมั่นคงต่อไป เพราะต้องยอมรับว่าราคาน้ำมันทุกวันนี้ยังมีความผันผวนไม่จบไม่สิ้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องหารายได้จากทางอื่นเข้ามารองรับด้วยซึ่งตั้งเป้าหมายไว้ว่าในอนาคตจากนี้อีก 5 ปี รายได้จากธุรกิจน้ำมันจะลดลงเหลือ 50% จากที่ปัจจุบันมีสัดส่วนสูงถึง 80%

ปัจจุบันบางจากได้เดินหน้าในเรื่องนี้และเน้นในเรื่องของการส่งเสริมธุรกิจพลังงานทดแทนทั้งในโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ที่ตั้งเป้าหมายผลิตติดตั้งทั้งหมด 170 เมกะวัตต์ที่ได้เดินหน้า เฟส 1 ไปแล้วคงเหลือเฟส 2 และเฟส 3 ที่ต้องทำต่อเนื่องต่อไป หรือโครงการผลิตเอทานอล ที่ได้เน้นในเรื่องของอี 85 โครงการผลิตไบโอดีเซล และโครงการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมที่ตั้งใจจะดำเนินการขนาด 60-80 เมกะวัตต์ และเตรียมเสนอให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาเห็นชอบหลังจากที่ได้ศึกษาในรายละเอียดมาแล้วถึง 2 ปี

ส่วนพลังงานทดแทนอื่น ๆ อย่างเช่นพลังงานความร้อนใต้พิภพที่บางจากฯ ได้พาคณะสื่อมวลชนไปเยี่ยมชมกระบวนการผลิตทั้งหมดที่ โรงไฟฟ้าโมริ จีโอ เทอมอล ที่เมืองฮาโกนาเตะ เกาะฮอกไกโด ที่ประเทศญี่ปุ่น ขนาด 50 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็น 1 ใน 18 แห่งของโรงไฟฟ้าประเภทนี้ในประเทศญี่ปุ่นที่มีกำลังการผลิตรวมกันทั้งหมดราว 500 เมกะวัตต์ โดยมีอายุราว 30 ปีเพื่อผลิตไฟฟ้าป้อนให้กับคนในประเทศญี่ปุ่น

ทั้งนี้หลักการของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพนี้คล้าย ๆ กับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนโดยทั่วไปที่นำน้ำมันเชื้อเพลิงมาต้มน้ำให้เดือดกลายเป็นไอน้ำและนำไอน้ำไปปั่นเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าซึ่งแทนที่จะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมาให้ความร้อน โรงไฟฟ้าความร้อนใต้พิภพนี้จะใช้ความร้อนใต้พิภพมาเป็นตัวให้ความร้อนมาต้มน้ำให้เดือดกลายเป็นไอน้ำแทน

แต่โรงไฟฟ้าประเภทนี้ต้องลงทุนสูง เพราะเป็นความท้าทายในเชิงวิศวกรรมที่ต้องขุดเจาะวางท่อลำเลียงน้ำร้อนหรือไอน้ำขึ้นมาจากใต้ดินเพื่อมาผลิตไฟฟ้าและส่งน้ำที่ใช้แล้วกลับสู่ใต้พื้นดินผ่านท่อลำเลียงกลับ โดยต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าประเภทนี้จะสูงถึง 7 บาทเศษต่อหน่วยซึ่งสูงกว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มาก แถมศักยภาพในการผลิตต้องขึ้นอยู่กับอุณหภูมิความร้อนใต้พิภพด้วย

แม้มีความเป็นไปได้น้อยที่จะเกิดโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพขึ้นในเมืองไทยเพราะภูมิประเทศไม่เอื้อนั้น แต่ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในอนาคตที่อาจออกไปลงทุนในพื้นที่ที่เหมาะสมเช่นที่อินโดนีเซีย หรือฟิลิปปินส์ เป็นต้น เพื่อรองรับการเปิดประชาคมอาเซียนหรือเออีซี แต่ในปัจจุบันที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ก็มีโรงไฟฟ้าเช่นนี้อยู่เหมือนกันเพราะติดอยู่กับบ่อน้ำร้อนฝางซึ่งเป็นแหล่ง

พลังงานความร้อนใต้พิภพ โดยมีกำลังการผลิต 0.3 เมกะวัตต์
ไม่เพียงเท่านี้บางจากฯ ยังเตรียมขยายไปในธุรกิจอาหาร ซึ่งเป็นธุรกิจที่ต่อเนื่องจากพลังงานและยังเป็นความมั่นคงของประเทศที่เตรียมเสนอให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาเห็นชอบและเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้แน่นอน ส่วนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินแร่หรือทรัพยากรธรรมชาติอย่างเหมืองทองคำ หรือเหมืองแร่ ก็เป็นธุรกิจที่อยู่ในความสนใจ

แผนงานต่าง ๆ เหล่านี้คงต้องรอให้คนที่เข้ามารับไม้ต่ออย่าง “วิเชียร อุษณาโชติ” ที่ถือว่าเป็นลูกหม้อคนสำคัญของบางจากฯ เดินหน้าต่อเพื่อสานฝันไปให้ถึงจุดหมาย.


ที่มา : dailynews.co.th

ย้อนกลับไปยัง

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: 55 และ บุคคลทั่วไป 0 ท่าน