บริษัท โออิชิ กรุ๊ป นำ เอส โคล่า เข้ามาจำหน่ายภายในร้านอาหารในเครือโออิชิ

[Yamachita]

โออิชิ ดึง "เอส โคล่า" ขายในร้านอาหารทุกแบรนด์ พร้อมเท 1,000 ล้านบาท เปิดร้านอาหารสาขาใหม่ปีหน้ารวด 50 สาขา ขณะเดียวกันปรับแผนรุกต่างแดนจากสิงคโปร์เป็นอินโดจีน
นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทได้นำเครื่องดื่มน้ำอัดลมเอส โคล่า เข้ามาจำหน่ายภายในร้านอาหารทุกแบรนด์ในเครือโออิชิที่เปิดให้บริการอยู่ตอนนี้เกือบ 300 สาขาทั่วประเทศ เพื่อให้ทันพร้อมกับการเปิดตัวน้ำอัดลมเอส โคล่า ของบริษัท เสริมสุข อย่างเป็นทางการในวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา
สำหรับแผนการขยายธุรกิจอาหารในปี 2556 นั้น บริษัทจะใช้งบลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 500 ล้านบาท ในการขยายร้านอาหารในเครือโออิชิรวมทุกแบรนด์ประมาณ 50 สาขา ซึ่งถือเป็นการขยายสาขามากสุดในรอบ 14 ปีที่ดำเนินธุรกิจมา โดยแบรนด์ร้านอาหารที่จะเน้นการขยายสาขามากที่สุดในปีหน้านั้น คือ ร้านชาบูชิจำนวน 20 สาขา ที่เหลือจะเป็นร้านนิกูยะ 10 สาขา และทาคาชิ 10 สาขา ขณะที่งบที่เหลืออีก 400-500 ล้านบาท จะใช้เป็นงบการตลาดรวมทั้งปี
ส่วนแผนการขยายธุรกิจร้านอาหารในเครือไปต่างประเทศนั้น บริษัทได้ปรับแผนหันไปศึกษาตลาดในภูมิภาคอินโดจีนแทน เช่น กัมพูชา พม่า และลาว จากเดิมจะใช้แบรนด์ชาบูชิเข้าไปทำตลาดในสิงคโปร์ โดยคาดว่าตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปน่าจะได้เห็นการลงทุน แต่จะเริ่มที่ประเทศใดก่อนนั้น ขณะนี้กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ ซึ่งลักษณะการลงทุนมีความเป็นไปได้ทั้ง 3 แนวทาง คือ 1.ลงทุนเองทั้งหมด 2.ร่วมทุน และ 3.ขายแฟรนไชส์ ซึ่งแต่ละแนวทางจะมีการลงทุนที่แตกต่างกันออกไป
"จากพฤติกรรมของผู้บริโภคมีความคล้ายคลึงกับประเทศไทย และมีความสะดวกในด้านการจัดส่งสินค้าวัตถุดิบหรือโลจิสติกส์มากกว่า ทำให้บริษัทได้ปรับแผนใหม่มาเป็นการขยายสาขาร้านอาหารในกลุ่มประเทศอินโดไชน่าแทนสิงคโปร์" รวมถึงยังศึกษาความเป็นไปได้ว่าจะนำแบรนด์น้ำอัดลมแบรนด์เอส โคล่าเข้าไปทำตลาดพร้อมกันด้วยหรือไม่” นายไพศาลกล่าว
ทั้งนี้จากการขยายธุรกิจดังกล่าวคาดว่าจะทำให้สิ้นปี 2556 น่าจะมีรายได้อยู่ที่ 6,900 ล้านบาท โดยในจำนวนดังกล่าวกว่า 500 ล้านบาท มาจากรายได้ของกลุ่มสแน็คและอาหารแช่เย็น/แช่แข็ง ขณะที่รายได้รวมในสิ้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 5,400 ล้านบาท เติบโต 31% สูงจากเป้าเดิมที่วางไว้ 27% หรือจากเดิมคาดปิดรายได้ที่ 5,200 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 4,100 ล้านบาท.


ที่มา : thaipost.net/