[center]

[/center]
ผลผลิตจากดอกทานตะวันนับว่าส่วนที่คนไทยคุ้นเคย และนำมารับประทานกันมากที่สุดคือเมล็ดที่ถูกนำมาแปรรูป เพิ่มรสชาติชวนลิ้มลอง แต่หากพูดถึงผู้ประกอบการรายแรกของไทยที่เห็นคุณค่าเมล็ดทานตะวันกะเทาะเปลือกคงหนีไม่พ้น “ฟลาวเวอร์ฟู้ด” ที่ครองตลาดมา 22 ปีเต็ม มาวันนี้ทายาทรุ่น 2 สานต่อธุรกิจชูความต่างด้วยขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ
[center]

[/center]
บรรจุภัณฑ์เก่าแก่รูปดอกทานตะวัน กับพื้นหลังสีขาว พร้อมชื่อแบรนด์ “ฟลาวเวอร์ ฟู้ด” น้อยคนนักที่จะปฏิเสธว่าไม่เคยเห็น เพราะผลิตภัณฑ์เมล็ดทานตะวันกะเทาะเปลือกแบรนด์นี้ครองตลาดมานาน เปลี่ยนมือบริหรสู่ทายาทรุ่น 2 “นายพีระ พีระมาน” ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ฟลาวเวอร์ฟู้ด หรือเจ้าของผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ “ฟลาวเวอร์ฟู้ด” จำหน่ายเมล็ดทานตะวันกะเทาะเปลือก เมล็ดทานตะวันอบน้ำผึ้ง เมล็ดฟักทองอบเกลือ เป็นต้น เปิดเผยที่มาธุรกิจนี้ว่า เริ่มต้นมาจากคุณพ่อ (ดร.ประดิษฐ์ พีระมาน) ที่เคยทำงานอยู่ในกรมส่งเสริมการเกษตร มีหน้าที่เสาะหาพืชเพื่อปลูกทดแทนข้าวหลังฤดูทำงานเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว
โดยค้นพบว่าการปลูกดอกทานตะวัน เหมาะสมกับพื้นที่แห้งอย่างจังหวัดลพบุรี รวมถึงเป็นพืชที่มีสารอาหารประเภทกรดไขมันไม่อิ่มตัว ทำให้มีคุณค่าทางโภชนาการสูงเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่เมื่อสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกแล้ว กลับติดขัดในเรื่องตลาดหรือสถานที่จำหน่าย คุณพ่อจึงรับหน้าที่นำมาแปรรูปเอง เริ่มจากนำมากะเทาะเปลือก คั่วในกระทะ ปรุงรสด้วยเกลือ ขายในชุมชน และออกงานตามสถานที่ใกล้เคียง แต่ผู้คนยังไม่รู้จักมากนัก พร้อมสงสัยว่านำมารับประทานได้หรือ คิดว่าเป็นอาหารของนก
[center]

[/center]
แต่ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวด้านโภชนาการ ทำให้เมล็ดทานตะวันกะเทาะเปลือกได้รับความนิยมเพื่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกอบกับในช่วงนั้นยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดทำธุรกิจนี้อย่างจริงจัง กระทั่งในปี 2538 ทายาทรุ่นที่ 2 ตัดสินใจนำสินค้าวางจำหน่ายในร้าน เซเว่น อีเลฟเว่น เพราะเห็นว่าเป็นช่องทางที่ผู้บริโภคสามารถซื้อหาได้สะดวก ซึ่งหลังจากพัฒนาและปรับปรุงสินค้าตามคำแนะนำของ เซเว่น อีเลฟเว่น แล้ว ก็วางจำหน่ายสินค้าชิ้นแรก คือ เมล็ดทานตะวันกะเทาะเปลือก ต่อมาได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อส่งเข้ามาจำหน่ายเพิ่มเติม ได้แก่ เมล็ดทานตะวันอบน้ำผึ้ง และเมล็ดฟักทองอบเกลือ นอกจากนี้ยังพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง เช่น งานแผ่นผสมน้ำผึ้ง คุกกี้ทานตะวัน อัลมอนด์อบเกลือ เมล็ดทานตะวันเคลือบช็อคโกแลต ครีมงาดำ และน้ำมันทานตะวัน โดยคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพทั้งจากที่ปลูกเองและรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรใน จ.ลพบุรี โดยแต่ละปีจะรับผลผลิตเมล็ดทานตะวันเข้าโรงงาน 25,000 - 40,000 กระสอบ กระสอบละ 80 กิโลกรัม ซึ่งสามารถเก็บเมล็ดทานตะวันไว้ใช้ได้ตลอดปี
แต่อย่างไรก็ตามผลผลิตขณะนี้ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ทั้งที่มีกำลังการผลิตเหลือเฟือ ทำให้นายพีระ ต้องสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกพืชดังกล่าวอย่างเนื่อง เพราะดอกทานตะวันจะสามารถปลูกได้เพียงปีละ 4 เดือนเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาเกษตรกรนิยมปลูกข้าวมากกว่าเนื่องจากสามารถนำไปจำนำได้ตามนโยบายของรัฐบาล ดังนั้นจึงต้องหาพื้นที่ปลูกดอกทานตะวันเองควบคู่กันไปด้วย รวมถึงเล็งนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศควบคู่กัน
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ในเครือบริษัทฟลาวเวอร์ฟู้ดส์ ได้แตกไลน์เป็นสินค้าที่หลากหลาย แต่คงไว้ซึ่งผลิตผลทางการเกษตร และสินค้าประเภทพวกถั่วชนิดต่างๆ จนก่อเกิดเป็นสินค้าแบรนด์ต่างๆ เช่น Sunne, Kokohut และเขาจีนแล เป็นต้น ซึ่งเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแตกต่างกันไป
ส่วนแผนธุรกิจในอนาคตทายาทรุ่นที่ 2 ตั้งเป้าว่าในปีหน้าธุรกิจจะเติบโตประมาณ 200 ล้านบาท จากการสร้างแบรนด์ใหม่ และพัฒนารสชาติสินค้าที่มีอยู่เดิมให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น รวมถึงขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศ โดยเริ่มจากประเทศเพื่อนบ้านที่เชื่อว่ารู้จักและคุ้นเคยผลิตภัณฑ์ประเภทถั่วต่างๆ เป็นอย่างดี
ที่มา : manager.co.th
[center][img]http://pics.manager.co.th/Images/555000016072601.JPEG[/img][/center]
ผลผลิตจากดอกทานตะวันนับว่าส่วนที่คนไทยคุ้นเคย และนำมารับประทานกันมากที่สุดคือเมล็ดที่ถูกนำมาแปรรูป เพิ่มรสชาติชวนลิ้มลอง แต่หากพูดถึงผู้ประกอบการรายแรกของไทยที่เห็นคุณค่าเมล็ดทานตะวันกะเทาะเปลือกคงหนีไม่พ้น “ฟลาวเวอร์ฟู้ด” ที่ครองตลาดมา 22 ปีเต็ม มาวันนี้ทายาทรุ่น 2 สานต่อธุรกิจชูความต่างด้วยขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ
[center][img]http://pics.manager.co.th/Images/555000016072603.JPEG[/img][/center]
บรรจุภัณฑ์เก่าแก่รูปดอกทานตะวัน กับพื้นหลังสีขาว พร้อมชื่อแบรนด์ “ฟลาวเวอร์ ฟู้ด” น้อยคนนักที่จะปฏิเสธว่าไม่เคยเห็น เพราะผลิตภัณฑ์เมล็ดทานตะวันกะเทาะเปลือกแบรนด์นี้ครองตลาดมานาน เปลี่ยนมือบริหรสู่ทายาทรุ่น 2 “นายพีระ พีระมาน” ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ฟลาวเวอร์ฟู้ด หรือเจ้าของผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ “ฟลาวเวอร์ฟู้ด” จำหน่ายเมล็ดทานตะวันกะเทาะเปลือก เมล็ดทานตะวันอบน้ำผึ้ง เมล็ดฟักทองอบเกลือ เป็นต้น เปิดเผยที่มาธุรกิจนี้ว่า เริ่มต้นมาจากคุณพ่อ (ดร.ประดิษฐ์ พีระมาน) ที่เคยทำงานอยู่ในกรมส่งเสริมการเกษตร มีหน้าที่เสาะหาพืชเพื่อปลูกทดแทนข้าวหลังฤดูทำงานเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว
โดยค้นพบว่าการปลูกดอกทานตะวัน เหมาะสมกับพื้นที่แห้งอย่างจังหวัดลพบุรี รวมถึงเป็นพืชที่มีสารอาหารประเภทกรดไขมันไม่อิ่มตัว ทำให้มีคุณค่าทางโภชนาการสูงเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่เมื่อสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกแล้ว กลับติดขัดในเรื่องตลาดหรือสถานที่จำหน่าย คุณพ่อจึงรับหน้าที่นำมาแปรรูปเอง เริ่มจากนำมากะเทาะเปลือก คั่วในกระทะ ปรุงรสด้วยเกลือ ขายในชุมชน และออกงานตามสถานที่ใกล้เคียง แต่ผู้คนยังไม่รู้จักมากนัก พร้อมสงสัยว่านำมารับประทานได้หรือ คิดว่าเป็นอาหารของนก
[center][img]http://pics.manager.co.th/Images/555000016072606.JPEG[/img][/center]
แต่ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวด้านโภชนาการ ทำให้เมล็ดทานตะวันกะเทาะเปลือกได้รับความนิยมเพื่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกอบกับในช่วงนั้นยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดทำธุรกิจนี้อย่างจริงจัง กระทั่งในปี 2538 ทายาทรุ่นที่ 2 ตัดสินใจนำสินค้าวางจำหน่ายในร้าน เซเว่น อีเลฟเว่น เพราะเห็นว่าเป็นช่องทางที่ผู้บริโภคสามารถซื้อหาได้สะดวก ซึ่งหลังจากพัฒนาและปรับปรุงสินค้าตามคำแนะนำของ เซเว่น อีเลฟเว่น แล้ว ก็วางจำหน่ายสินค้าชิ้นแรก คือ เมล็ดทานตะวันกะเทาะเปลือก ต่อมาได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อส่งเข้ามาจำหน่ายเพิ่มเติม ได้แก่ เมล็ดทานตะวันอบน้ำผึ้ง และเมล็ดฟักทองอบเกลือ นอกจากนี้ยังพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง เช่น งานแผ่นผสมน้ำผึ้ง คุกกี้ทานตะวัน อัลมอนด์อบเกลือ เมล็ดทานตะวันเคลือบช็อคโกแลต ครีมงาดำ และน้ำมันทานตะวัน โดยคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพทั้งจากที่ปลูกเองและรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรใน จ.ลพบุรี โดยแต่ละปีจะรับผลผลิตเมล็ดทานตะวันเข้าโรงงาน 25,000 - 40,000 กระสอบ กระสอบละ 80 กิโลกรัม ซึ่งสามารถเก็บเมล็ดทานตะวันไว้ใช้ได้ตลอดปี
แต่อย่างไรก็ตามผลผลิตขณะนี้ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ทั้งที่มีกำลังการผลิตเหลือเฟือ ทำให้นายพีระ ต้องสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกพืชดังกล่าวอย่างเนื่อง เพราะดอกทานตะวันจะสามารถปลูกได้เพียงปีละ 4 เดือนเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาเกษตรกรนิยมปลูกข้าวมากกว่าเนื่องจากสามารถนำไปจำนำได้ตามนโยบายของรัฐบาล ดังนั้นจึงต้องหาพื้นที่ปลูกดอกทานตะวันเองควบคู่กันไปด้วย รวมถึงเล็งนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศควบคู่กัน
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ในเครือบริษัทฟลาวเวอร์ฟู้ดส์ ได้แตกไลน์เป็นสินค้าที่หลากหลาย แต่คงไว้ซึ่งผลิตผลทางการเกษตร และสินค้าประเภทพวกถั่วชนิดต่างๆ จนก่อเกิดเป็นสินค้าแบรนด์ต่างๆ เช่น Sunne, Kokohut และเขาจีนแล เป็นต้น ซึ่งเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแตกต่างกันไป
ส่วนแผนธุรกิจในอนาคตทายาทรุ่นที่ 2 ตั้งเป้าว่าในปีหน้าธุรกิจจะเติบโตประมาณ 200 ล้านบาท จากการสร้างแบรนด์ใหม่ และพัฒนารสชาติสินค้าที่มีอยู่เดิมให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น รวมถึงขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศ โดยเริ่มจากประเทศเพื่อนบ้านที่เชื่อว่ารู้จักและคุ้นเคยผลิตภัณฑ์ประเภทถั่วต่างๆ เป็นอย่างดี
ที่มา : manager.co.th