โพสต์ โดย Yamachita » จันทร์ 12 พ.ย. 2012 10:43 am
นางสาวพณิตา ตู้จินดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 3 ปี 2555 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับ 402 ล้านบาทเพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 21% สะสม 9 เดือนมีเบี้ยประกันภัยรับ 1,169 ล้านบาทเพิ่มจากปีก่อน 20% บริษัทยังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์มหาอุทกภัยต่อเนื่องจากสัญญารับประกันภัยต่อช่วงของธุรกิจประกันวินาศภัยทั้งระบบ สำหรับไตรมาสที่ 3 อีก 12 ล้านบาท และเมื่อรวมตั้งแต่ต้นปีบริษัทได้รับผลกระทบทั้งสิ้น 38 ล้านบาท
ส่งผลให้ในระหว่างไตรมาส 3 บริษัทมีผลขาดทุนจากการรับประกันภัย 34.1ล้านบาท เมื่อรวมกับรายได้จากการลงทุนและรายได้อื่น จำนวน 20.2 ล้านบาท จึงทำให้บริษัทมีผลขาดทุนก่อนภาษี 16.4 ล้านบาท และเมื่อรวมภาษีเงินได้คืนกลับตามวิธีภาษีเงินได้รอตัดบัญชี (Deferred Tax) จำนวน 5.3 ล้านบาท จึงมีผลขาดทุนสุทธิ 11.1 ล้านบาท สำหรับความเพียงพอของเงินกองทุน บริษัทยังคงมีความเพียงพอของเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (RBC) เกินกว่าเกณฑ์ ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)กำหนด
ทิศทางในการดำเนินงานตลอดปีนี้ บริษัทยังคงเน้นทำตลาดรายย่อย โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์และพัฒนาบริการเพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้าผ่านช่องทาง Telemarketing รวมทั้งขยายตลาดผ่านช่องทางธนาคาร (Bancassurance)ร่วมกับธนาคารทหารไทย เพื่อขยายช่องทางการขายและเจาะกลุ่มลูกค้ารายย่อยอย่างต่อเนื่อง
ที่มา : naewna.com
นางสาวพณิตา ตู้จินดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 3 ปี 2555 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับ 402 ล้านบาทเพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 21% สะสม 9 เดือนมีเบี้ยประกันภัยรับ 1,169 ล้านบาทเพิ่มจากปีก่อน 20% บริษัทยังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์มหาอุทกภัยต่อเนื่องจากสัญญารับประกันภัยต่อช่วงของธุรกิจประกันวินาศภัยทั้งระบบ สำหรับไตรมาสที่ 3 อีก 12 ล้านบาท และเมื่อรวมตั้งแต่ต้นปีบริษัทได้รับผลกระทบทั้งสิ้น 38 ล้านบาท
ส่งผลให้ในระหว่างไตรมาส 3 บริษัทมีผลขาดทุนจากการรับประกันภัย 34.1ล้านบาท เมื่อรวมกับรายได้จากการลงทุนและรายได้อื่น จำนวน 20.2 ล้านบาท จึงทำให้บริษัทมีผลขาดทุนก่อนภาษี 16.4 ล้านบาท และเมื่อรวมภาษีเงินได้คืนกลับตามวิธีภาษีเงินได้รอตัดบัญชี (Deferred Tax) จำนวน 5.3 ล้านบาท จึงมีผลขาดทุนสุทธิ 11.1 ล้านบาท สำหรับความเพียงพอของเงินกองทุน บริษัทยังคงมีความเพียงพอของเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (RBC) เกินกว่าเกณฑ์ ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)กำหนด
ทิศทางในการดำเนินงานตลอดปีนี้ บริษัทยังคงเน้นทำตลาดรายย่อย โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์และพัฒนาบริการเพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้าผ่านช่องทาง Telemarketing รวมทั้งขยายตลาดผ่านช่องทางธนาคาร (Bancassurance)ร่วมกับธนาคารทหารไทย เพื่อขยายช่องทางการขายและเจาะกลุ่มลูกค้ารายย่อยอย่างต่อเนื่อง
ที่มา : naewna.com