Odoo / OpenERP Thailand.ORG

[img]http://pics.manager.co.th/Images/556000007294201.JPEG[/img]

แผ่นอะลูมิเนียมธรรมดาๆ ถูกนำมาผ่านกระบวนการทั้งตัด เคาะ ดัด แต่ง และลงสี ฯลฯ โดยฝีมือช่างผู้ชำนาญ จนออกมาเป็นชุดพุ่มดอกบัวเหล็กที่สวยงามอลังการและแปลกใหม่ เหมาะจะไปวางบนโต๊ะหมู่บูชาหรือประดับในห้องพระเพื่อเสริมสิริมงคล โดยผลงานดังกล่าวเป็นงานแฮนด์เมดมูลค่าสูง ชิ้นใหญ่ราคาถึงหลักแสนบาททีเดียว นับเป็นอีกตัวอย่างของการเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้แก่เจ้าของ

ถวัลย์ศักดิ์ ประสิทธิ์สุวรรณ์ เจ้าของทองหล่อ โฮม แอนด์ ดีไซน์ คือผู้ให้กำเนิดผลงาน “บัวสุรินทร์” ดอกบัวทำจากอะลูมิเนียม เล่าจุดเริ่มต้นให้ทีมงาน “SME ผู้จัดการออนไลน์” ฟังว่า เดิมรับราชการทหารอยู่หลายสิบปี จนเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วเออร์ลีรีไทร์ออกมา แล้วเริ่มมองหาอาชีพใหม่ให้แก่ตัวเอง

ในความเป็นจริงเจ้าตัวยอมรับว่า ไม่เคยสนใจงานประเภทศิลปะใดๆ มาก่อนเลย รวมถึงไม่มีทัศนะด้านการทำงานศิลปะ หรืองานเหล็กมาก่อนเช่นกัน แต่ที่สนใจมาทำดอกบัวจากอะลูมิเนียมเกิดจากส่วนตัวใส่ใจศึกษาพระธรรมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งดอกบัวเป็นดอกไม้ที่เกี่ยวพันกับพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง ทั้งด้านพุทธประวัติ และความศรัทธาของชาวพุทธ จึงอยากจะทำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับดอกบัว

[img]http://pics.manager.co.th/Images/556000007294203.JPEG[/img]

ส่วนเหตุที่เลือกวัสดุเป็นอะลูมิเนียม เพราะอยากได้ผลิตภัณฑ์ที่สร้างความแปลกใหม่ ซึ่งเวลานั้นยังไม่มีใครหยิบโลหะมาทำเป็นดอกบัวมาก่อน รวมถึง การใช้วัสดุเหล็กยังสื่อความหมายถึงความคงทนเป็นอมตะได้ด้วย สามารถเชื่อมโยงกับความเชื่อด้านเสริมสิริมงคล

“ตอนที่ผมเริ่มคิดจะใช้แผ่นอะลูมิเนียมมาทำเป็นดอกบัวในตลาดยังไม่มีสินค้าแบบนี้มาก่อนเลย ส่วนตัวผมก็ไม่ได้เป็นคนเก่งเรื่องศิลปะใดๆ เลย แต่อาศัยฝึกฝนด้วยตัวเอง เอาอุปกรณ์ใกล้ตัวหลายชนิดมาประยุกต์ เช่น เอาค้อนทุบเนื้อมาตีลายกลีบบัว เป็นต้น กว่าจะได้ผลงานสวยก็ใช้เวลานับปี” ถวัลย์ศักดิ์เล่าเสริม

ในระยะแรกนั้นจะทำลักษณะทั้งรูปทรง และลงสีให้ใกล้เคียงธรรมชาติ จากนั้นได้พัฒนางานอย่างต่อเนื่อง โดยเสริมใส่จินตนาการส่วนตัวเข้าไปในการจัดรูปทรงให้ออกมาเป็นชุดพ่วงต่างๆ เหนือธรรมชาติ มีทั้งทรงสูง หรือเป็นช่อใหญ่ ขณะที่การลงสีดอกบัวเพิ่มเติมสีทอง และสีเงินเพื่อความงามและเสริมความเชื่อด้านมงคล

[img]http://pics.manager.co.th/Images/556000007294205.JPEG[/img]

เจ้าของผลงานเล่าด้วยว่า การทำตลาดเบื้องต้นไปเสนอขายตามสถานปฏิบัติธรรมต่างๆ ซึ่งได้การตอบรับด้วยดี ลูกค้าชื่นชอบจากความสวยงามและแปลกใหม่ จนมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับทาง จ.สุรินทร์สนับสนุนให้เป็นสินค้าโอทอปประจำจังหวัด ภายใต้ชื่อ “บัวสุรินทร์” ทำให้มีช่องทางตลาดที่กว้างมากยิ่งขึ้น

สำหรับจุดเด่นอยู่ที่ความสวยงามคงทน ไม่เกิดปัญหาสนิมหรือผุพังเพราะทำจากอะลูมิเนียม สามารถตั้งวางได้ทั้งในและนอกสถานที่ ขณะที่จุดอ่อนจะทำความสะอาดได้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะเมื่อวางไว้นานๆ ขี้ฝุ่นมักเกาะตามส่วนต่างๆ การทำความสะอาดต้องใช้ไม้ขนไก่หรือแปรงค่อยๆ ปัดฝุ่นออกทีละส่วน

จากเริ่มแรกที่คิดเองทำเองคนเดียวทุกขั้นตอน เมื่อมีความต้องการของตลาดสูงขึ้นเรื่อยๆ ถวัลย์ศักดิ์ได้สร้างทีมงานมาช่วย โดยสอนการผลิตให้แก่แรงงานในท้องถิ่น มีทั้งกลุ่มช่างทำเครื่องเงินใน จ.สุรินทร์ที่กำลังประสบปัญหาความนิยมเครื่องเงินลดลง ถูกดึงมาเป็นแรงงานผลิตในขั้นตอนที่ต้องอาศัยช่างฝีมือสูง เช่น ลงสี แต่งลาย นอกจากนั้นยังมีกลุ่มชาวบ้านที่ว่างแวะจากการทำนาก็ดึงมาเป็นแรงงานทำขั้นตอนง่ายๆ โดยปัจจุบันมีแรงงานผลิตรวมประมาณ 30 คน ผลิตได้เฉลี่ยประมาณสิบกว่าชิ้นต่อเดือน รายได้เฉลี่ยของกลุ่มอยู่ที่หลักแสนบาทต่อเดือน

ถวัลย์ศักดิ์ระบุด้วยว่า กว่าจะเสร็จแต่ละชิ้นมีขั้นตอนการผลิตถึง 40 ขั้นตอน เช่น เริ่มตั้งแต่วาดแบบ ตัดแผ่นอะลูมิเนียม ทุบลาย ดัดทรง ลงสี ฯลฯ วัสดุหลักที่ใช้คืออะลูมิเนียมแผ่นตัดเป็นรูปทรงต่างๆ เช่น กลีบบัว ใบบัว ส่วนก้านบัวทำจากอะลูมิเนียมเส้น ขณะที่ฝักบัวเป็นของจริงจากธรรมชาติ นำมาผ่านกระบวนการตากแดดให้แห้งแล้วลงสีเคลือบ โดยวิธีการผลิตจะกระจายขั้นตอนต่างๆ ไปยังแรงงานแต่ละส่วน แต่สุดท้ายจะมาจบที่ตัวเขาเองที่จะจัดแต่งรูปทรงให้ออกมาสวยงามตามแต่จินตนาการ

เนื่องจากผลงานดังกล่าวเป็นงานทำมือ 100% แต่ละชิ้นใช้เวลาค่อนข้างนาน ราคาของ “บัวสุรินทร์” จึงค่อนข้างสูง หากเป็นชิ้นเล็กๆ สำหรับบนโต๊ะหมู่บูชาอยู่ที่หลักพันบาท งานขนาดกลางสำหรับวางในห้องพระอยู่ที่หลักหมื่นบาท แต่ถ้าเป็นงานชิ้นใหญ่ๆ สำหรับตกแต่งสถานที่อยู่ที่หลักแสนทีเดียว โดยงานชิ้นใหญ่ที่สุดที่เคยทำสูงถึง 4 เมตร น้ำหนักรวมกว่า 500 กิโลกรัม ขายในราคาถึง 7 แสนบาท

ช่องทางตลาดส่วนใหญ่ยังเป็นการรับจ้างผลิตตามคำสั่งซื้อควบคู่กับออกงานแสดงสินค้าโอทอป โดยกลุ่มลูกค้าหลักคือ คนทั่วไปซื้อไปประดับโต๊ะหมู่บูชา หรือวางในห้องพระ รวมถึงสถานปฏิบัติธรรมต่างๆ สั่งไปตกแต่งสถานที่ นอกจากนั้นยังมีกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เช่น ร้านอาหารไทยในต่างแดน ร้านสปา โรงแรม และรีสอร์ต สั่งไปตกแต่งสถานที่ เป็นต้น

ในอนาคตนั้น ถวัลย์ศักดิ์บอกว่าจะพยายามเพิ่มเติมสินค้าไปสู่หมวดงานตกแต่งมากยิ่งขึ้น เพื่อขยายตลาดให้กว้างขึ้น รวมถึงจะพยายามเพิ่มกำลังผลิต และลดต้นทุนการผลิตเพื่อจะขายสินค้าได้ในราคาที่ต่ำลงให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงสินค้าได้มากยิ่งขึ้น

ที่มา : [urlx=http://www.manager.co.th/iBizchannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000070366]www.manager.co.th[/urlx]