โพสต์ โดย Yamachita » ศุกร์ 21 ธ.ค. 2012 10:22 am
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหารบริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป จะเน้นการนำสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดมากขึ้นเพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด เช่น ให้ลูกค้าสามารถออกแบบสีและลวดลายประตูตู้เย็นได้เอง ซึ่งการที่บริษัทหันมารุกสินค้านวัตกรรมมากขึ้นเนื่องจากปัจจุบันการแข่งขันในธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าค่อนข้างรุนแรง โดยในส่วนของสินค้านวัตกรรมใหม่ที่บริษัทจะนำเข้ามาทำตลาดในปี 2556 นั้น จะอยู่ที่ประมาณ 10 รายการ แบ่งเป็นกลุ่มเอชเอหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน 4-5 รายการ กลุ่มเอวีหรือภาพและเสียง 2-3 รายการ และกลุ่มไอที 4-5 รายการ
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเข้ามาเน้นการทำตลาดในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ หรือเฮลท์ตี้ และกลุ่มสินค้าความงาม หรือบิวตี้มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปหันมาใส่ใจสุขภาพและดูแลตัวเองมากขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทจะเน้นการสร้างความเข้าใจกับตัวแทนจำหน่าย หรือดีลเลอร์ ซึ่งปัจจุบันมีดีลเลอร์อยู่ที่ประมาณ 350 ราย เพื่อใช้เป็นช่องทางการขายที่สำคัญอีกช่องทางหนึ่ง เพราะการขายแบบเน้นแต่ช่องทางห้างค้าปลีกหรือโมเดิร์นเทรด ไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ครอบคลุม ดังนั้นบริษัทจะหันมาทำการตลาดร่วมกับดีลเลอร์มากขึ้น
“ช่วงน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554 ดีลเลอร์เป็นกลุ่มที่มีความสำคัญกับบริษัทอย่างมาก เพราะช่วงนั้นบริษัทประสบปัญหาน้ำท่วม
สินค้าบางตัวผลิตไม่ได้ แต่ดีลเลอร์ก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเป็นอย่างดี ด้วยการรับซื้อสินค้าที่มีอยู่ในตอนนั้นทั้งหมด ซึ่งถือเป็นความประทับใจที่ดีลเลอร์มีต่อบริษัท ที่ทำให้บริษัทก้าวมาถึงทุกวันนี้ได้ และการปรับแผนการดำเนินธุรกิจดังกล่าว นอกจากจะช่วยให้สามารถสู้กับคู่แข่งในตลาดได้แล้ว ยังถือเป็นอีก 1 กลยุทธ์ในการรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ที่เกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย”นางกอบกาญจน์ กล่าว
สำหรับปัจจัยที่น่ากังวลมากที่สุดในปี 2556 คือ ปัญหาด้านบุคลากรที่จะนำเข้ามาร่วมงาน เพราะหลังจากวันที่ 1 มกราคม จะมีการประกาศขึ้นค่าแรงเป็นวันละ 300 บาททั่วประเทศ อาจทำให้หาแรงงานยากมากขึ้น เนื่องจากแรงงานส่วนใหญ่อาจเลือกทำงานในถิ่นฐานเดิม เพราะไม่ต้องเสียค่าครองชีพที่แพงขึ้นขณะเดียวกันตอนนี้ก็เริ่มมีแรงงานจากต่างประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์เข้ามาทำงานในไทยมากขึ้นแล้ว ดังนั้นการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ต้องรู้เขารู้เรามากขึ้น เพื่อรองรับการเปิดเออีซี
นายยูกิฮารุ อาดาชิ ประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า หลังจากบริษัทเดินหน้าปรับแผนการดำเนินธุรกิจคาดว่าจะมีรายได้ในรอบบัญชีปี 2556 (เมษายน 2556 - มีนาคม 2557) เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือมีรายได้ประมาณ 12,000-13,000 ล้านบาท จากรอบบัญชีปี 2555 ที่จะจบลงในเดือนมีนาคม 2556 ที่คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 11,000 ล้านบาท เติบโต 25% จากปีบัญชีก่อนหน้า สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะเติบโต 10%
ที่มา : naewna.com
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหารบริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป จะเน้นการนำสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดมากขึ้นเพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด เช่น ให้ลูกค้าสามารถออกแบบสีและลวดลายประตูตู้เย็นได้เอง ซึ่งการที่บริษัทหันมารุกสินค้านวัตกรรมมากขึ้นเนื่องจากปัจจุบันการแข่งขันในธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าค่อนข้างรุนแรง โดยในส่วนของสินค้านวัตกรรมใหม่ที่บริษัทจะนำเข้ามาทำตลาดในปี 2556 นั้น จะอยู่ที่ประมาณ 10 รายการ แบ่งเป็นกลุ่มเอชเอหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน 4-5 รายการ กลุ่มเอวีหรือภาพและเสียง 2-3 รายการ และกลุ่มไอที 4-5 รายการ
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเข้ามาเน้นการทำตลาดในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ หรือเฮลท์ตี้ และกลุ่มสินค้าความงาม หรือบิวตี้มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปหันมาใส่ใจสุขภาพและดูแลตัวเองมากขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทจะเน้นการสร้างความเข้าใจกับตัวแทนจำหน่าย หรือดีลเลอร์ ซึ่งปัจจุบันมีดีลเลอร์อยู่ที่ประมาณ 350 ราย เพื่อใช้เป็นช่องทางการขายที่สำคัญอีกช่องทางหนึ่ง เพราะการขายแบบเน้นแต่ช่องทางห้างค้าปลีกหรือโมเดิร์นเทรด ไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ครอบคลุม ดังนั้นบริษัทจะหันมาทำการตลาดร่วมกับดีลเลอร์มากขึ้น
“ช่วงน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554 ดีลเลอร์เป็นกลุ่มที่มีความสำคัญกับบริษัทอย่างมาก เพราะช่วงนั้นบริษัทประสบปัญหาน้ำท่วม
สินค้าบางตัวผลิตไม่ได้ แต่ดีลเลอร์ก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเป็นอย่างดี ด้วยการรับซื้อสินค้าที่มีอยู่ในตอนนั้นทั้งหมด ซึ่งถือเป็นความประทับใจที่ดีลเลอร์มีต่อบริษัท ที่ทำให้บริษัทก้าวมาถึงทุกวันนี้ได้ และการปรับแผนการดำเนินธุรกิจดังกล่าว นอกจากจะช่วยให้สามารถสู้กับคู่แข่งในตลาดได้แล้ว ยังถือเป็นอีก 1 กลยุทธ์ในการรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ที่เกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย”นางกอบกาญจน์ กล่าว
สำหรับปัจจัยที่น่ากังวลมากที่สุดในปี 2556 คือ ปัญหาด้านบุคลากรที่จะนำเข้ามาร่วมงาน เพราะหลังจากวันที่ 1 มกราคม จะมีการประกาศขึ้นค่าแรงเป็นวันละ 300 บาททั่วประเทศ อาจทำให้หาแรงงานยากมากขึ้น เนื่องจากแรงงานส่วนใหญ่อาจเลือกทำงานในถิ่นฐานเดิม เพราะไม่ต้องเสียค่าครองชีพที่แพงขึ้นขณะเดียวกันตอนนี้ก็เริ่มมีแรงงานจากต่างประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์เข้ามาทำงานในไทยมากขึ้นแล้ว ดังนั้นการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ต้องรู้เขารู้เรามากขึ้น เพื่อรองรับการเปิดเออีซี
นายยูกิฮารุ อาดาชิ ประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า หลังจากบริษัทเดินหน้าปรับแผนการดำเนินธุรกิจคาดว่าจะมีรายได้ในรอบบัญชีปี 2556 (เมษายน 2556 - มีนาคม 2557) เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือมีรายได้ประมาณ 12,000-13,000 ล้านบาท จากรอบบัญชีปี 2555 ที่จะจบลงในเดือนมีนาคม 2556 ที่คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 11,000 ล้านบาท เติบโต 25% จากปีบัญชีก่อนหน้า สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะเติบโต 10%
ที่มา : naewna.com