โพสต์ โดย Yamachita » อังคาร 30 เม.ย. 2013 10:32 am
[center][img]http://www.naewna.com/uploads/news/headline/50125.gif[/img][/center]
นายกิจจา วงศ์วารี กรรมการบริหาร บริษัทในเครืออโรม่า กรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจกาแฟคั่วบด เปิดเผยว่า บริษัทได้ใช้งบลงทุน 50 ล้านบาท ในการขยายโรงงานอีก 2,000 ตารางเมตร เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเมล็ดกาแฟคั่วบดเพิ่มอีก 50% เป็น 4,000 ตันต่อปี จากเดิมที่มีกำลังการผลิตประมาณ 2 ,000 ตันต่อปี พร้อมเพิ่มสาย (ไลน์) การผลิตสินค้าประเภทที่ไม่ใช่กาแฟ (Non-Coffee) ไม่ว่าจะเป็น ผงผสมเครื่องดื่มต่างๆ ชา โกโก้ รวมถึงเครื่องดื่มกระแส (เทรนด์) ใหม่ๆ อาทิ ชานมไข่มุก ซึ่งสินค้าประเภท Non-Coffee มียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยบริษัทจะแยกไลน์การผลิตระหว่างสินค้าประเภทกาแฟ (Coffee) และ Non-Coffee ออกจากกันอย่างชัดเจน ทั้งนี้คาดว่าโรงงานในส่วนขยายจะแล้วเสร็จเดือนพฤศจิกายน 2556
โดยในปี 2556 คาดว่าภาพรวมตลาดกาแฟสดที่มีมูลค่าปีละ 6,000 ล้านบาท จะเติบโตได้มากกว่า 20% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยที่มีผู้ค้ารายย่อย ที่ส่วนใหญ่เป็นคู่ค้าของบริษัทมีจำนวนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตลาดโดยรวมมียอดขายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ร้าน “อโรม่า ช็อป” (Aroma Shop) ที่เป็นศูนย์บริการธุรกิจกาแฟครบวงจร มียอดขายเติบโตถึง 100 % โดยในปี 2556 นี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดอโรม่า ช็อปให้ได้ 35 สาขา จากเดิมมี 24 สาขา ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าจะเปิดอโรม่า ช็อปให้ครบ 50 สาขาทั่วประเทศ เน้นเปิดในต่างจังหวัดที่มีกำลังซื้อให้ได้ 30 สาขา ส่วนอีก 20 สาขา จะเปิดในกรุงเทพฯและปริมณฑล
นอกจากนี้ล่าสุดบริษัทได้ตัดสินใจที่จะผลิตเครื่องชงกาแฟ และเครื่องบดเมล็ดกาแฟ ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง เบื้องต้นใช้งบกว่า 10 ล้านบาท ในการออกแบบและพัฒนาเครื่องให้ได้มาตรฐานและคุณภาพระดับยุโรป ทั้งนี้ตัวสินค้าจะสั่งผลิตที่ยุโรปทั้งหมด คาดว่าจะสามารถเปิดตัวเครื่องบดเมล็ดกาแฟต้นแบบได้ภายในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2556 โดยในช่วงไตรมาส 3-4 ปี 2556 คาดว่าจะสามารถเปิดตัวเครื่องชงกาแฟแบบกึ่งพาณิชย์ (Semi Commercial) และเครื่องชงกาแฟแบบมืออาชีพ (Professional) สำหรับใช้ประกอบธุรกิจร้านกาแฟสดได้ และจากแผนธุรกิจดังกล่าว คาดว่าจะทำให้บริษัทมียอดขายเครื่องชงกาแฟเพิ่มขึ้นอีก 25% จากปี 2555 ที่มียอดขาย 225 ล้านบาท จากตลาดรวม 450-500 ล้านบาท
สำหรับตลาดต่างประเทศ มีแผนที่จะส่งเครื่องชงกาแฟและเครื่องบดเมล็ดกาแฟในแบรนด์ของบริษัทกลับไปขายในยุโรป คือ อิตาลี และสเปน รวมถึงในเอเชีย คือ อินเดีย, อินโดนีเซีย, เกาหลีใต้, สิงคโปร์, ฮ่องกง และออสเตรเลีย ส่วนจีนถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุด แต่จะเลือกรุกเป็นตลาดสุดท้าย เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่ใหญ่มากและเมืองค่อนข้างกระจัดกระจาย มีวัฒนธรรมการทำธุรกิจและแนวคิดที่แตกต่างกันมาก จึงอาจจะทำให้ไม่สามารถควบคุมมาตรฐานการบริการได้ และจากกลยุทธ์ทั้งหมดเชื่อว่าจะทำให้ภาพรวมธุรกิจของบริษัทในปี 2556 เติบโตได้มากถึง 30-40% จากปี 2555 ที่มีรายได้รวมกว่า 1,300 ล้านบาท
ที่มา : [urlx=http://www.naewna.com/]www.naewna.com[/urlx]