โพสต์ โดย Yamachita » อังคาร 15 ม.ค. 2013 10:21 am
นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นจูรี่ 21 เรียลตี้ แอฟฟิลิเอทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2555 ที่ผ่านมา ออกมาเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก เนื่องจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2555 และการมุ่งมั่นในการพัฒนาทีมขายที่แข็งแกร่งของบริษัท ส่งผลให้มีผลประกอบการโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากเป้าหมายที่ตั้งไว้เมื่อปี 2555 ไว้ที่ 16,500 ล้านบาท โดยบริษัทสามารถทำยอดขายรวมทั้งปี 2555 ได้ทั้งสิ้น 19,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบเป็นอัตราการเติบโตจะอยู่ที่ 118% หรือเติบโตทะลุเป้าหมายที่วางไว้ถึง 18%
สำหรับรายได้หลักจะมาจากการขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างประมาณ 13,200 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิม 7,500 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 76% และการบริหารจัดการโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์อีก 6,800 ล้านบาท
ส่วนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในปี 2556 นี้ บริษัทยังคงมุ่งเน้นในการเพิ่มจำนวนทีมขายที่แข็งแกร่ง และการเปิดสาขาแฟรนไชส์ที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะมีถึง 50 สาขา ภายในปี 2556 ซึ่งจะทำให้บริษัทเป็นแบรนด์แรกในประเทศไทยที่มีสาขาแฟรนไชส์มากที่สุด และจะส่งผลให้สามารถบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้หลากหลายช่องทาง ตลอดจนสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านทางแฟรนไชส์ที่กระจายอยู่ทั้งในเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าในปี 2556 บริษัทจะมียอดขายรวม 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ส่วนของการขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 13,000 ล้านบาท และการบริหารจัดการโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์ 6,000 ล้านบาท
นายกิติศักดิ์ กล่าวว่า แนวโน้มของธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ในปี 2556 เชื่อว่าจะมีการขยายตัวมากขึ้นจากปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐโดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่จะกระจายไปยังหัวเมืองต่างๆ และการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนและกระตุ้นให้การพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ในปี 2556 ไปจนถึงอีก 5 ปีข้างหน้า มีสีสันมากขึ้น
ทั้งนี้ในส่วนของผู้ประกอบการด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้น คาดว่าในปี 2556 นี้จะมีการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการต่างๆไปตามหัวเมืองใหญ่และแหล่งชุมชน เช่น เชียงใหม่ อุดรธานี ขอนแก่น โคราช ชลบุรี ศรีราชา สุราษฎร์ธานี และหาดใหญ่ โดยประเภทของโครงการส่วนใหญ่จะเน้นพัฒนาโครงการแนวสูงหรือคอนโดมิเนียมมากกว่าโครงการแนวราบ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในเมือง นอกจากนี้ยังคาดว่าราคาที่ดินตามจังหวัดดังกล่าวจะมีการปรับตัวสูงขึ้นอีกประมาณ 10-15% อีกด้วย
ส่วนการซื้อขายที่ดินในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลนั้น บริษัทคาดว่าการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในเขตศูนย์กลางธุรกิจหรือ CBD และตามแนวรถไฟฟ้า จะมีให้เห็นน้อยลง จากปัจจัยด้านราคาที่ดินที่น่าจะปรับตัวสูงขึ้นถึง 20-30% ในปี 2556 นี้ เนื่องจากที่ดินในทำเลดังกล่าวมีเหลือในจำนวนจำกัด ดังนั้นในปี 2556 จะเห็นการพัฒนาโครงการคอนโดมีเนียมตามเขตที่เป็นทำเลรองในกรุงเทพฯมากขึ้น เช่น บรรทัดทอง สุขสวัสดิ์ เซนต์หลุยส์ และเจริญราษฎร์ เพราะเป็นแหล่งชุมชนที่มีธุรกิจการค้าและในเขตปริมณฑลที่มีมหาวิทยาลัยใหญ่ๆมากขึ้น เนื่องจากที่ดินมีราคาต่ำกว่าในเขตทำเลหลักเป็นเท่าตัว และผู้ประกอบการเริ่มขยายตลาดไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆมากขึ้น
ที่มา : naewna.com
นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นจูรี่ 21 เรียลตี้ แอฟฟิลิเอทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2555 ที่ผ่านมา ออกมาเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก เนื่องจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2555 และการมุ่งมั่นในการพัฒนาทีมขายที่แข็งแกร่งของบริษัท ส่งผลให้มีผลประกอบการโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากเป้าหมายที่ตั้งไว้เมื่อปี 2555 ไว้ที่ 16,500 ล้านบาท โดยบริษัทสามารถทำยอดขายรวมทั้งปี 2555 ได้ทั้งสิ้น 19,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบเป็นอัตราการเติบโตจะอยู่ที่ 118% หรือเติบโตทะลุเป้าหมายที่วางไว้ถึง 18%
สำหรับรายได้หลักจะมาจากการขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างประมาณ 13,200 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิม 7,500 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 76% และการบริหารจัดการโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์อีก 6,800 ล้านบาท
ส่วนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในปี 2556 นี้ บริษัทยังคงมุ่งเน้นในการเพิ่มจำนวนทีมขายที่แข็งแกร่ง และการเปิดสาขาแฟรนไชส์ที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะมีถึง 50 สาขา ภายในปี 2556 ซึ่งจะทำให้บริษัทเป็นแบรนด์แรกในประเทศไทยที่มีสาขาแฟรนไชส์มากที่สุด และจะส่งผลให้สามารถบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้หลากหลายช่องทาง ตลอดจนสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านทางแฟรนไชส์ที่กระจายอยู่ทั้งในเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าในปี 2556 บริษัทจะมียอดขายรวม 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ส่วนของการขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 13,000 ล้านบาท และการบริหารจัดการโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์ 6,000 ล้านบาท
นายกิติศักดิ์ กล่าวว่า แนวโน้มของธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ในปี 2556 เชื่อว่าจะมีการขยายตัวมากขึ้นจากปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐโดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่จะกระจายไปยังหัวเมืองต่างๆ และการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนและกระตุ้นให้การพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ในปี 2556 ไปจนถึงอีก 5 ปีข้างหน้า มีสีสันมากขึ้น
ทั้งนี้ในส่วนของผู้ประกอบการด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้น คาดว่าในปี 2556 นี้จะมีการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการต่างๆไปตามหัวเมืองใหญ่และแหล่งชุมชน เช่น เชียงใหม่ อุดรธานี ขอนแก่น โคราช ชลบุรี ศรีราชา สุราษฎร์ธานี และหาดใหญ่ โดยประเภทของโครงการส่วนใหญ่จะเน้นพัฒนาโครงการแนวสูงหรือคอนโดมิเนียมมากกว่าโครงการแนวราบ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในเมือง นอกจากนี้ยังคาดว่าราคาที่ดินตามจังหวัดดังกล่าวจะมีการปรับตัวสูงขึ้นอีกประมาณ 10-15% อีกด้วย
ส่วนการซื้อขายที่ดินในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลนั้น บริษัทคาดว่าการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในเขตศูนย์กลางธุรกิจหรือ CBD และตามแนวรถไฟฟ้า จะมีให้เห็นน้อยลง จากปัจจัยด้านราคาที่ดินที่น่าจะปรับตัวสูงขึ้นถึง 20-30% ในปี 2556 นี้ เนื่องจากที่ดินในทำเลดังกล่าวมีเหลือในจำนวนจำกัด ดังนั้นในปี 2556 จะเห็นการพัฒนาโครงการคอนโดมีเนียมตามเขตที่เป็นทำเลรองในกรุงเทพฯมากขึ้น เช่น บรรทัดทอง สุขสวัสดิ์ เซนต์หลุยส์ และเจริญราษฎร์ เพราะเป็นแหล่งชุมชนที่มีธุรกิจการค้าและในเขตปริมณฑลที่มีมหาวิทยาลัยใหญ่ๆมากขึ้น เนื่องจากที่ดินมีราคาต่ำกว่าในเขตทำเลหลักเป็นเท่าตัว และผู้ประกอบการเริ่มขยายตลาดไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆมากขึ้น
ที่มา : naewna.com